ปรัชญา แนวคิด และทฤษฎีศิลปศึกษา

การศึกษาเกี่ยวกับปรัชญาโดยทั่วไปนั้นเป็นการศึกษาถึงฐานของความคิด ความรู้และความจริงที่ครอบคลุมองค์ความรู้ของทุกศาสตร์และสาขาวิชา ปรัชญาจึงสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ในทุกศาสตร์และทุกสาขาวิชา นอกจากนี้ในทุกศาสตร์และสาขาวิชายังมีบางส่วนของหลายปรัชญาที่ซ้อนทับกันอยู่เนื่องจากเป็นเรื่องของความจริงแท้ที่เกิดขึ้นเป็นนิรันดร์ ปรัชญาจึงมีความสอดคล้องกับการจัดการศึกษาทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้การศึกษาปรัชญายังเป็นการรวบรวมความรู้ ประสบการณ์ เพื่อนำมาตีความและเปรียบเทียบ (โจด, 2521) ก่อนที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับปรัชญาในรายละเอียด จึงต้องพิจารณาถึงความหมายและคำจำกัดความของคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับปรัชญาและการนำปรัชญาไปประยุกต์ใช้ตามลำดับ ในด้านความหมายโดยสรุปแล้วมีคำสำคัญที่ควรรู้จักดังต่อไปนี้

การศึกษาเกี่ยวกับปรัชญาโดยทั่วไปนั้นเป็นการศึกษาถึงฐานของความคิด ความรู้และความจริงที่ครอบคลุมองค์ความรู้ของทุกศาสตร์และสาขาวิชา ปรัชญาจึงสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ในทุกศาสตร์และทุกสาขาวิชา นอกจากนี้ในทุกศาสตร์และสาขาวิชายังมีบางส่วนของหลายปรัชญาที่ซ้อนทับกันอยู่เนื่องจากเป็นเรื่องของความจริงแท้ที่เกิดขึ้นเป็นนิรันดร์ ปรัชญาจึงมีความสอดคล้องกับการจัดการศึกษาทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้การศึกษาปรัชญายังเป็นการรวบรวมความรู้ ประสบการณ์ เพื่อนำมาตีความและเปรียบเทียบ (โจด, 2521) ก่อนที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับปรัชญาในรายละเอียด จึงต้องพิจารณาถึงความหมายและคำจำกัดความของคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับปรัชญาและการนำปรัชญาไปประยุกต์ใช้ตามลำดับ ในด้านความหมายโดยสรุปแล้วมีคำสำคัญที่ควรรู้จักดังต่อไปนี้

ปรัชญา (Philosophy) คือ ความรู้พื้นฐานของการศึกษาธรรมชาติของความรู้ ความจริงและสิ่งที่ปรากฏ

แนวคิด (Concept) คือ ความคิดที่มีแนวทางสำหรับการทำงานต่อไปหรือมีแนวทางในการปฏิบัติ (สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, 2556) ความคิดรวบยอดที่ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ ไม่จำเป็นต้องเป็นความจริง ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานมาสนับสนุน ไม่จำเป็นต้องมาจากการรวบรวมให้เป็นระบบ แนวคิดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อธิบายได้จากประสบการณ์ที่ได้รับความรู้และคาดเดาได้จากประสบการณ์จริง

ทฤษฎี (Theory) คือ การสังเคราะห์ความคิดรวบยอดอย่างเป็นระบบ การนำระบบความคิดไปใช้ในการอธิบาย ขยายความคิดเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพื่อใช้ในการอธิบายความเข้าใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สามารถทำซ้ำได้ พิสูจน์ได้ นำไปใช้คาดการณ์ผลบางสิ่งบางอย่างที่จะเกิดขึ้นได้ ความรู้ที่ได้จากทฤษฎีดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เข้าใจถึงความแตกต่างของความคิดรวบยอดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งและสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งได้ (Lankford, 1992; มะลิฉัตร เอื้ออานันท์, 2542)

ดังนั้นปรัชญา แนวคิด และทฤษฎีจึงมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของบุคคลใดบุคคลหนึ่งตลอดชีวิตและมีความเชื่อมโยงกับศาสตร์แต่ละสาขา การศึกษาปรัชญาพื้นฐานจึงเป็นการปูพื้นความเข้าใจถึงที่มาในการศึกษาปรัชญาศิลปศึกษา หลักสูตร การจัดการเรียนการสอนและการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบุคคล ซึ่งมีรายละเอียดโดยสรุปได้ดังนี้

ความหมาย ความสำคัญและประโยชน์ของปรัชญา

ความหมายของ ปรัชญา (Philosophy) ตามพจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 (สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, 2556) อ่านว่า ปฺรัดยา หรือ ปฺรัดชะยา เป็นคำนาม มีความหมายว่า วิชาว่าด้วยหลักแห่งความรู้และความจริง ทั้งนี้เมื่อพิจารณาความหมายตามที่มา คำว่า “Philosophy” มาจากภาษากรีก 2 คำ คือ คำว่า “Philos” และ “Sophia” คำว่า “Philos” หรือ “Philia” แปลว่า     ผู้รัก ความรัก (Love) คำว่า “Sophia” แปลว่า ความรู้ ความฉลาด ความปราดเปรื่อง (Wisdom) เมื่อนำมาสนธิกันจึงเป็น Philosophy  หมายถึง ความรักในความรอบรู้ ความรักในความฉลาด ปราดเปรื่อง (The Love of Wisdom) (กีรติ บุญเจือ, 2541; ไพฑูรย์ สินลารัตน์, 2555) ในภาษาไทย คำว่า “ปรัชญา” มาจากภาษาสันสกฤต 2 คำ คือ คำว่า “ชฺญา” แปลว่า รู้ เข้าใจ ส่วนคำว่า “ปฺร” แปลว่า ความปราดเปรื่องความรอบรู้ ไกล สูงสุด ประเสริฐ ดังนั้น “ปรัชญา” โดยสรุปจึงหมายถึง การเรียนรู้เกี่ยวกับความจริง ความรู้อันประเสริฐ ความจริงที่ทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ความเข้าใจสูงสุด ความรู้ขั้นสูง ความประเสริฐ

เนื่องจากปรัชญาเป็นสาขาวิชาหนึ่งของการศึกษาที่มีมานาน เป็นวิชาที่ต้องการให้คนแสวงหาความรู้ เพื่อคิดหาคำตอบในเรื่องต่าง ๆ จุดมุ่งหมายหลักของปรัชญา คือ การค้นคว้าหาความจริงแท้ ความจริงอันประเสริฐสูงสุด ความจริงแท้ที่เป็นนิรันดร (Ultimate Reality) ในช่วงแรกการศึกษาปรัชญาจึงเป็นการแสวงหาคำตอบที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางธรรมชาติ ปัญหาเกี่ยวกับโลก จักรวาล มีการใช้ความคิด พิจารณา เพื่อตั้งคำถามและหาคำตอบในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งต้องอาศัยความรู้รอบด้าน ความรู้หลายศาสตร์สาขามาใช้ในการคิด พิจารณา ความรู้ทุกอย่างนั้นถือเป็นปรัชญาเช่นกัน เมื่อความรู้ดังกล่าวได้รับการนำมาใช้ และพัฒนาให้กว้าง ลึกซึ้ง จึงสามารถนำความรู้นั้นมาใช้ในการตอบคำถามใดคำถามหนึ่งได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

ความสำคัญของปรัชญาจึงมีหลายด้าน ด้านหนึ่ง คือ การให้คุณค่าและความหมายของสิ่ง        ต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายหลัก คือ การแสวงหาความจริงอันประเสริฐ ความจริงแท้อันเป็นนิรันดร เป็นการค้นหาความจริงจากการนำความรู้ของศาสตร์ต่าง ๆ มาใช้ในการแสวงหาคำตอบ ทำให้เกิดเป็นเนื้อหาของปรัชญาปัจจุบัน ขณะที่อีกด้านหนึ่ง คือ การหาวิธีมองปัญหา เพื่อใช้ความคิด พิจารณา ไตร่ตรอง ความรู้ที่เกี่ยวข้องและนำมาใช้ในการแก้ปัญหาหรือตอบคำถามที่ตั้งขึ้น จึงไม่มีเนื้อหาแต่เป็นวิธีการมองปัญหาหลาย ๆ วิธีเพื่อให้สามารถเข้าถึงปัญหาที่แท้จริงได้มากที่สุด ซึ่งเป็นลักษณะของการนำปรัชญามาประยุกต์ใช้สำหรับการทำความเข้าใจ และนำไปใช้ในการแก้ปัญหา หรือทำความเข้าใจกับความรู้ต่าง ๆ มากขึ้น เช่น ปรัชญาศิลปะ ปรัชญาศิลปศึกษา ปรัชญาประวัติศาสตร์ ปรัชญาวิทยาศาสตร์ ปรัชญาคณิตศาสตร์ เป็นต้น ต่อมาความรู้ดังกล่าวก็ได้รับการจัดให้เป็นสาขาวิชา โดยในระยะแรกวิชาที่แยกตัวออกมา คือ วิชาศาสนา ต่อมาเป็นวิชาดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และวิชาอื่นในปัจจุบัน

ประโยชน์ของการเรียนปรัชญา คือ การรู้จักปัญหาที่ยังคงเป็นปัญหา รู้จักคำตอบที่สามารถใช้ในการแก้ปัญหาได้ รู้จักเก็บข้อดีของคำตอบทุกคำตอบมาใช้เป็นหลักในการนำไปใช้แก้ปัญหาต่อไป เนื่องจากการศึกษาปรัชญาทำให้เกิดการไตร่ตรองถึงประสบการณ์ในชีวิตของตนเองและสังคมที่ผ่านมาอย่างเป็นระบบ มีการเก็บรวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล หลักการต่าง ๆ มาใช้ในการสืบสวน สอบสวน มีการนำประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ของตนเองมาใช้ประกอบกับการตั้งคำถาม แสวงหาคำตอบ เพื่อให้ค้นพบคำตอบตามความจริงที่เป็นนิรันดร เพื่อให้บุคคลได้ดำเนินชีวิตตามปรัชญาและโลกทัศน์ที่ตนเองรู้ เข้าใจและต้องการใช้ปรัชญานั้นในการดำเนินชีวิตต่อไป

การแสวงหาความจริงของปรัชญาที่ครอบคลุมความรู้ในศาสตร์สาขาต่าง ๆ ตลอดจนวิธีการที่หลากหลายของการศึกษาปรัชญา ทำให้นักปรัชญาและนักการศึกษาแบ่งปรัชญาไว้หลายแบบ (กำจร   สุนพงษ์ศรี, 2556; กีรติ บุญเจือ, 2541; ไพฑูรย์ สินลารัตน์, 2555) เพื่อมุ่งแสวงหาความจริงเกี่ยวกับการเรียนรู้ การแสวงหาความรู้ และวิธีที่จะดำเนินการเพื่อให้เกิดการเรียนรู้นั้น ตลอดจนวิธีประพฤติตนและดำเนินชีวิตให้เหมาะสมกับความรู้นั้น จึงแบ่งปรัชญาเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ปรัชญาบริสุทธิ์ (Pure Philosophy) และปรัชญาประยุกต์ (Applied Philosophy)